ปั้นแพลตฟอร์มนำพาสินค้าไทยสู่ต่างแดน เชื่อมโยง AEC เตรียมปักหมุดเวียดนาม

  • ชูโรดแม็พ ‘Central to ASEAN’ สร้าง Regional Retail Platform ศูนย์การค้าแบรนด์ไทยระดับอินเตอร์ นำพาแบรนด์ไทยสู่ต่างแดน
  • ตอกย้ำการเป็นผู้นำในการสร้าง New Shopping Experience ระดับอาเซียน เตรียมความพร้อมบุกเวียดนามเป็นแห่งต่อไป
  • ชูจุดแข็งด้าน Retail Mix พัฒนาศูนย์การค้าอินเตอร์ รองรับไลฟ์สไตล์ Multi-culture หลากหลายเชื้อชาติ

มาเลเซีย (15 มิ.ย. 62) - บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ฉลองความสำเร็จในการเปิดตัว “เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้” ศูนย์การค้าไทยขนาดใหญ่เต็มรูปแบบในต่างประเทศแห่งแรกของซีพีเอ็นในประเทศมาเลเซีย ยกระดับการเป็นผู้นำด้านสร้างสรรค์ New Shopping Experience และ Center of Life ในภูมิภาคอาเซียน ชูโรดแม็พ ‘Central to ASEAN’ ปั้น ‘Regional Retail Platform’ ปูทางสร้างแพลตฟอร์มแข็งแกร่งที่นำพาแบรนด์ไทยสู่ต่างประเทศเติบโตไปกับซีพีเอ็น พร้อมชูความเป็นไทยด้วยแนวคิด Thainess to The World สนับสนุนแบรนด์สินค้าไทยและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ นำความเชี่ยวชาญด้าน Retail Mix มาพัฒนาศูนย์การค้าอินเตอร์แบบ Multi-culture รองรับไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายเชื้อชาติ ทั้งลูกค้าชาวมาเลเซีย ชาวจีน อินเดีย และชาวตะวันตก ที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยเตรียมบุกตลาดประเทศเวียดนามเป็นแห่งต่อไป

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของซีพีเอ็นที่ได้นำพาธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ ของไทยบุกตลาดต่างประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกระดับภูมิภาค แสดงศักยภาพศูนย์การค้าไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การค้าไทยขนาดใหญ่เต็มรูปแบบจะดังไกลระดับอินเตอร์ โดยเรานำความเชี่ยวชาญทุกด้านในการพัฒนาศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Design, Merchandise Mix, Service และการสร้างสรรค์อีเว้นต์ที่แปลกใหม่ มานำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับชาวมาเลเซีย โดยคำนึงถึงความต้องการของคนท้องถิ่นเป็นหลัก ได้แก่ ชาวมาเลเซีย ชาวจีน และอินเดีย รวมถึงกลุ่ม Expat ชาวตะวันตก แต่ยังคงเอกลักษณ์ศูนย์การค้าของไทยไว้ เรียกได้ว่าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบ Multi-culture อย่างแท้จริง ตามคอนเซ็ปต์การสร้าง Center of Life ในทุกที่ที่เราเข้าไปลงทุน โดยศูนย์การค้าของเราจะเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตสำหรับคนในชุมชนอีกด้วย”

“การพัฒนาโครงการนี้ เรามองไกลถึงระดับภูมิภาค และเราจะสร้างเครือข่ายของธุรกิจศูนย์การค้าในระดับภูมิภาคด้วยโรดแม็พ ‘Central to ASEAN’ ปั้น ‘Regional Retail Platform’ เป็นช่องทางแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการสำหรับผู้ประกอบการในภูมิภาคและ AEC โดยแฟลตฟอร์มนี้จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง รองรับการเติบโตของธุรกิจต่างๆ ให้เชื่อมโยงกันในเขตเศรษฐกิจ เช่น สินค้าไทยไปมาเลเซีย, สินค้ามาเลย์ไปเวียดนาม, สินค้าเวียดนามมาไทย เป็นต้น รวมทั้งยังสามารถช่วยเหลือกลุ่ม SMEs โดยมีซีพีเอ็นเป็นผู้ปูทางให้ไม่ต้องเหนื่อยหาช่องทางโตเอง ทั้งนี้เราต้องการเป็นเสมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ของประเทศไทยในต่างแดน ที่ช่วยส่งเสริมสินค้าไทย และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้ประเทศไทยอีกด้วย อย่างเช่นการรุกตลาดมาเลเซียครั้งนี้ นอกจากจะเล็งเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่แล้ว คนมาเลย์ยังมีความคุ้นเคยและชื่นชอบในสินค้าและความเป็นไทย เห็นได้จากการที่คนมาเลย์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากเป็นอันดับ 2 รองจากคนจีน หรือประมาณ 4 ล้านคนต่อปี เราจึงเห็นโอกาสที่จะนำสินค้าไทย และบริการแบบไทยที่คนมาเลเซียชื่นชอบมาลงในตลาดมาเลเซีย” นางสาววัลยากล่าว

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานคอมเมอร์เชียล กล่าวเสริมว่า “เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ เป็นโครงการที่เรานำความเชี่ยวชาญด้าน Retail Mix ของซีพีเอ็นมาใช้ และเป็นครั้งแรกที่เราพัฒนาศูนย์การค้าอินเตอร์แบบ Multi-Culture ที่แท้จริง โดยเราได้ทำการศึกษาอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคน เพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เช่น สำหรับชาวมาเลย์-มุสลิม เรามีโซนอาหารฮาลาลสำหรับชาวมุสลิมโดยเฉพาะและมีโซนแฟชั่น ที่จำหน่ายทั้งชุดมุสลิมผสานแฟชั่นที่ทันสมัย สำหรับลูกค้ากลุ่มจีน อินเดีย และชาวตะวันตก เรามีโซนอาหารอินเตอร์และมีซูเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่ายสินค้าฮาลาล สินค้าท้องถิ่น ไปจนถึงสินค้าโครงการหลวงของไทย นอกจากนี้เรายังมีพื้นที่ในโซน Toys, Kids and Family ขนาดใหญ่รองรับกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กเล็กจำนวนมากซึ่งเป็นลักษณะของครอบครัวชาวมาเลย์อีกด้วย”

นอกจากนี้ ซีพีเอ็นยังได้เตรียมโปรโมทความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลกภายใต้แนวคิด Thainess to The World ด้วยสินค้า บริการ และอีเว้นต์ ยาวตลอดกว่า 52 สัปดาห์ เพื่อสร้างจุดเด่นให้ศูนย์การค้าของเราแตกต่างจากคู่แข่ง มอบประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกในมาเลเซีย รวมถึงมีแบรนด์ไทยชั้นนำที่ร่วมขยายสาขาสู่ต่างประเทศไปกับเรา อาทิ Café Amazon, Black Canyon, Barbeque Plaza, ชาตรามือ, ชาพะยอม เป็นต้น และสินค้าจากโครงการหลวง รวมถึงอาหารไทย, สปาแบบไทย, และรูปแบบการให้บริการแบบไทยๆ

นายปกรณ์กล่าวต่อไปว่า “เราตั้งใจปั้นให้เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ เป็นศูนย์การค้าที่มอบประสบการณ์แบบ ‘Malaysian Friendliness with Thai Hospitality’ นำเสนอเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวต่างชาติ โดยเราหวังให้เป็นการแลกเปลี่ยนการใช้ชีวิต อาหารการกินและไลฟ์สไตล์ (Cross Cultural) ระหว่างไทย-มาเลเซีย ซึ่งในอนาคตเราวางแผนร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น สถานทูตไทยในมาเลเซีย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นไทย เช่น เทศกาลสงกรานต์, เทศกาลลอยกระทง เป็นต้น ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ด้วยงาน Thai Expo ครั้งยิ่งใหญ่ช่วงเดือนกันยายน 2562 โดยที่ผ่านมาเราได้จัดงาน ‘สวัสดีไทยแลนด์’ ที่นำเสนอวิถีชีวิตของคนไทยจำลองบรรยากาศ ‘Bangkok Street Life’ ยกมาไว้กลางเซ็นทรัลไอ-ซิตี้ โดยล่าสุดได้มีการนำการแสดงโชว์จากคณะหุ่นละครเล็ก โจ-หลุยส์ การแสดงโชว์จากเล้ง ราชนิกร และงานจำลอง Little Jatujak มาให้ชาวมาเลเซียได้ตื่นตาตื่นใจเป็นครั้งแรกในประเทศมาเลเซีย

ขณะเดียวกันถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เร็วๆนี้ ประเทศไทยจะได้มีโอกาสร่วมต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะจากประเทศมาเลเซีย ในงาน Malaysia Fest 2019 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทางสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยและหอการค้ามาเลเซีย-ไทย จัดขึ้นเพื่อโปรโมทการค้าการท่องเที่ยว ในวันที่ 20-23 มิถุนายนนี้ และ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ ในวันที่ 27-30 มิ.ย. ตามลำดับ อันเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทางด้านการค้า สังคมและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดี”

นางสาววัลยากล่าวทิ้งท้ายว่า “ในฐานะที่เราเป็นบริษัทไทยในตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ที่พัฒนาศูนย์การค้าอย่างเต็มรูปแบบและมีความเชี่ยวชาญในการบริหารศูนย์การค้าและธุรกิจค้าปลีกเป็นอย่างดี ประกอบกับเรามี Local Partner ของมาเลเซียอย่างไอ-เบอร์ฮาด ที่แข็งแกร่งและเข้าใจ Customer Insight เป็นอย่างดี เราจึงมั่นใจว่าโครงการศูนย์การค้าแห่งนี้จะประสบความสำเร็จในมาเลเซีย โดยจากการเปิดให้บริการเซ็นทรัลไอ-ซิตี้ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าท้องถิ่น ทั้งนี้เรายังคงเปิดรับและมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังได้เตรียมแผนบุกตลาดประเทศเวียดนามเป็นแห่งต่อไปอีกด้วย”

สำหรับพิธีฉลองเปิดอย่างเป็นทางการ เซ็นทรัลไอ-ซิตี้ ได้รับเกียรติจากสุลต่านแห่งรัฐสลังงอร์ (His Royal Highness Sultan of Selangor, Sultan Sharafuddin Idris Shah Alhaj Ibni Almarhum, Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah Alhaj) ,สมเด็จพระราชินี และบรมวงศานุวงศ์ ร่วมด้วย Chief Minister แห่งรัฐสลังงอร์ และผู้บริหารระดับสูงของ Central Group และ CPN อาทิ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ ของ CPN, คุณสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล และคุณปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ CPN ให้เกียรติร่วมงานอย่างคับคั่ง

เกี่ยวกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลไอ-ซิตี้ (Central i-City)

โครงการนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างซีพีเอ็น และไอ-เบอร์ฮาด (เจ้าของโครงการ ไอ-ซิตี้) ด้วยงบลงทุนกว่า 8,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 28 ไร่ พื้นที่โครงการ 278,000 ตารางเมตร มีร้านค้ารวมกว่า 350 ร้านค้า โดยซีพีเอ็นถือหุ้น 60% และ ไอ-เบอร์ฮาด 40% ตั้งอยู่ในโครงการ ไอ-ซิตี้ อัลตราโพลิส (i-City Ultrapolis) ไลฟ์สไตล์ ฮับ สุดยิ่งใหญ่ในเมืองชาห์อลัม ประกอบด้วยศูนย์การค้า, อาคารสำนักงานขนาดใหญ่, ที่อยู่อาศัย โรงแรม สวนสนุก และศูนย์กลางทางด้านไซเบอร์และนวัตกรรม ซึ่งโครงการนี้จะเสริมเมืองชาห์อลัมให้เป็นเมืองเทคโนโลยีแห่งใหม่ของมาเลเซีย (Malaysia Cybercenter) ตามนโยบายของรัฐบาลมาเลเซีย นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม โดยรัฐบาลแห่งสลังงอร์ จะผลักดันไอ-ซิตี้ให้เป็นเดสติเนชั่นการท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาสของมาเลเซีย สะดวกในการคมนาคมจากทุกทิศทาง ทั้งจากกัวลาลัมเปอร์ เขตกลัง และเขตชาห์อลัม เดินทางสะดวกเพราะขนาบด้วยถนนหลวงสายหลัก 2 สาย มีทางเชื่อมจาก Federal Highway เพื่อเข้าสู่โครงการโดยตรง รวมถึงสะพานเชื่อมจากคอนโดมิเนียมในโครงการเข้าสู่ศูนย์การค้าโดยตรง


แกลลอรี่