กรุงเทพฯ 22 มี.ค.67 ; ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ตลอด 77 ปีของกลุ่มเซ็นทรัลในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างคุณค่าร่วมกับทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน ผ่านโครงการ “เซ็นทรัล ทํา” – ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ กลุ่มเซ็นทรัลจึงมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างการพัฒนาสังคมในมิติต่างๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในวงกว้างอย่างต่อเนื่องและมองถึงผลลัพธ์ระยะยาว

พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า นับเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้วที่กลุ่มเซ็นทรัล ได้ริเริ่มโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” - ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ โครงการขับเคลื่อนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยเจตนารมณ์ที่จะสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Values – CSV) ระหว่างธุรกิจ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ตลอดจน ผู้มีส่วนได้เสียให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนผ่านพลังของการ “ร่วมกันลงมือทำ” เพื่อส่งมอบคุณค่าในเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรมต่อทุกภาคส่วน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs -Sustainable Development Goals) ซึ่งเป็นกรอบทิศทางการพัฒนาโลกขององค์การสหประชาชาติ โดยนับตั้งแต่ก้าวแรก วันแรกของการดำเนินโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” กลุ่มเซ็นทรัลไม่หยุดนิ่งที่จะทุ่มเทและใส่ใจอย่างรอบด้าน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านค้าปลีกและบริการด้วยการลงพื้นที่ปฏิบัติจริง เรียนรู้และร่วมกันแก้ปัญหากับชุมชน พัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับสินค้าชุมชนให้มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนสนับสนุนช่องทางการจำหน่าย ส่งผลให้ชุมชนมีรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและยังสามารถส่งต่อองค์ความรู้ไปยังชุมชนใกล้เคียงผ่านศูนย์การเรียนรู้ ต่อยอดสู่แหล่งท่องเที่ยวชุมชน นอกจากนี้ยั่งมุ่งสร้างความเท่าเทียมด้วยการลดช่องว่างแห่งความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งมอบโอกาสทางอาชีพและส่งเสริมการศึกษาให้กับเยาวชนและครู ตลอดจนการใส่ใจต่อสภาพแวดล้อมมุ่งสร้างโลกสีเขียว เป็นต้น

โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชน 1,700 ล้านบาทต่อปี สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชนกว่า 150,000 ราย สร้างงานและสนับสนุนอาชีพคนพิการ 1,011 คนมุ่งสู่ Net Zero ด้วยการลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบกว่า 20,830 ตัน, ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคา 170 แห่ง ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้กว่า 114,200 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และอื่นๆ เป็นต้น

สำหรับในปี 2567 “เซ็นทรัล ทำ” วางกลยุทธ์หลักเพื่อเป็นโรดแมปหรือแนวทางสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผ่าน “6 กลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมไฮไลต์โครงการ ดังนี้

1. Community – พัฒนาศักยภาพและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยการพัฒนาความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพส่งเสริมสินค้าให้มีเอกลักษณ์เป็นที่ต้องการของตลาด

โครงการเด่นด้านพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ;

1.1 ชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีชีวิตยั่งยืนแม่ทา อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่

นับแต่ปี 2560 ที่เซ็นทรัล ทำ ร่วมกับ มูลนิธิสายใยแผ่นดิน ดำเนินโครงการวิถีชีวิตยั่งยืนแม่ทา บนพื้นที่ 9 ไร่ สนับสนุนโครงการด้านเกษตรอินทรีย์เพื่อส่งเสริมเกษตรกรรุ่นใหม่ขับเคลื่อนการทำเกษตรกรรมยั่งยืน

ปัจจุบันชุมชนแม่ทาได้ขยายผลการดำเนินงานสู่ การจัดทำโฮมสเตย์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวิถีเกษตรอินทรีย์ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจทั่วไป โดยมีกิจกรรมเชิงวิถีเกษตรอินทรีย์ยั่งยืนมากมาย เช่น การเก็บไข่ไก่อารมณ์ดี, การลิ้มลองอาหารพื้นบ้าน, การดำเนินโครงการแม่ทาออร์แกนิคสามารถช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ชุมชนในปี 66 มากกว่า 8.4 ล้านบาท โดยมีชุมชนเข้าร่วมกว่า 110 ราย โดยในส่วนของการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม 1,500 คนต่อปี สร้างรายได้จากการเข้าอบรมและท่องเที่ยวกว่า 3.8 แสนบาท

1.2 ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี จ.ตรัง

กลุ่มเซ็นทรัลสนับสนุนก่อสร้าง “พิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี” เพื่อสืบสานวัฒนธรรมผ้าทอมือโบราณอายุกว่า 200 ปี ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ต่อมาถูกยกระดับเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับผ้าทอนาหมื่นศรีให้คนทั่วไปได้รู้จัก รวมทั้งพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม ด้วยการจัดทำเส้นทางจักรยานท่องเที่ยวในตำบลนาหมื่นศรีให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจท่ามกลางความงดงามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการก่อสร้างร้านค้าวิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรีอีกด้วย

ทั้งนี้ในปี 2566 สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 9.2 ล้านบาท ครอบคลุมสมาชิก 155 ครัวเรือน ปัจจุบัน “ศูนย์การเรียนรู้ผ้าทอนาหมื่นศรี” นับเป็นต้นแบบศูนย์การเรียนรู้การอนุรักษ์เชิงวัฒนธรรม โดยมีนักท่องเที่ยวและผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมและซื้อสินค้ากว่า 21,000 คนต่อป

1.3 ศูนย์การเรียนรู้พัฒนาผลผลิตการเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนบ้านเทพพนา- สวนเทพพนา จ.ชัยภูมิ

ความโดดเด่นของสวนเทพพนา ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ผู้ปลูกอะโวคาโดสายพันธุ์แฮสส์ในไทย โดยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนดี ช่วยลดปริมาณการปลูกพืชเชิงเดี่ยว อีกทั้งยังดำเนินการทำเกษตรแบบอัจฉริยะ (Smart Farming) นอกจากนี้ยังมีการเพาะต้นกล้าอะโวคาโด และเปิดอบรมให้กับผู้ที่สนใจปลูกอะโวคาโด ส่งผลให้เซ็นทรัล ทำ ให้การสนับสนุนด้านการจัดจำหน่ายผลผลิตส่งเข้า Tops และจริงใจ Farmer's Market สนับสนุนการก่อสร้างอาคารศูนย์เรียนรู้เพื่อให้เป็นต้นแบบด้านการทำเกษตรอัจฉริยะในภาคอีสาน เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้การปลูกอะโวคาโด และเป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิตอื่นๆ จากชุมชนใกล้เคียงเพื่อส่งขายให้กับธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล

ในปี 2566 ศูนย์การเรียนรู้บ้านเทพพนา มีจำนวนสมาชิก 500 ครัวเรือน สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 41 ล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวและผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมและซื้อสินค้าเป็นจำนวนกว่า 10,000 คนต่อปี จำนวนผู้เข้าอบรมการปลูกอะโวคาโด 3,000 คนต่อปี และเพิ่มพื้นที่สีเขียว 3,000 ไร่

1.4 ศูนย์การเรียนรู้การทำฟาร์ม เมล่อน Smile Melon จ.อยุธยา

จากการปลูกเมล่อนเป็นอาชีพเสริมระหว่างการทำนา ซึ่งมีราคาผลผลิตตกต่ำ นำไปสู่การสร้างอาชีพหลักให้กับชุมชน โดยมีการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนเมล่อนหมู่ใหญ่ร่วมใจพัฒนา จนกลายเป็นแหล่งผลิตเมล่อนแบบครบวงจร กลุ่มเซ็นทรัลจึงได้เข้าไปสนับสนุนปัจจัยการผลิตในรูปแบบต่างๆ เช่น โรงเรือนเพาะปลูก อาคารคัดแยกผลผลิต เพื่อให้สามารถปลูกเมล่อนได้อย่างหมุนเวียน ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐานโมเดิร์นเทรด ขยายผลสู่การรับซื้อผลผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมยกระดับ ศูนย์การเรียนรู้การทำฟาร์ม เมล่อน Smile Melon ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน

ในภาพรวมของปี 2566 กิจกรรมภายใต้ศูนย์การเรียนรู้ฯ ซึ่งมีจำนวนสมาชิก 30 ครัวเรือน สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 15.2 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวและผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมและซื้อสินค้าเป็นจำนวนกว่า 7,200 คนต่อปี

1.5 จริงใจฟาร์มเมอร์ มาร์เก็ต หรือตลาดจริงใจ

พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรในท้องถิ่นได้นำพืชผักปลอดภัย และสินค้าขึ้นชื่อของชุมชนมาวางจำหน่ายในพื้นที่ของ กลุ่มเซ็นทรัล สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร และสร้างเศรษฐกิจที่ดีให้กับชุมชน โดยในปัจจุบันจริงใจ ฟาร์มเมอร์ มาร์เก็ต มีทั้งหมด 33 สาขา ใน 29 จังหวัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจริงใจ มาร์เก็ต จ. เชียงใหม่ 1 สาขา และในพื้นที่ศูนย์การค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในจังหวัดต่างๆ อีก 32 สาขา โดยในปี 2566 สามารถสร้างรายได้กว่า 231 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรกว่า 10,200 ครัวเรือน

1.6 good goods (กุ๊ด กุ๊ดส์)

ร้านจำหน่ายสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นดีไซน์ร่วมสมัยแบรนด์ “good goods” (กุ๊ด กุ๊ดส์) ผลิตโดยวิสาหกิจเพื่อสังคม “เซ็นทรัล ทำ” ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ริเริ่มเมื่อปี 2561 ยกระดับสินค้าไทยให้ทันสมัย ด้วยการส่งมอบองค์ความรู้แก่ชุมชนให้สามารถพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และการออกแบบให้มีความร่วมสมัยโดยให้การสนับสนุนดีไซเนอร์ให้คำแนะนำด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยกำไรที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าทั้งหมดจะถูกนำกลับไปพัฒนาชุมชนต่อไป ปัจจุบันร้าน good goods มีจำนวน 3 สาขา ได้แก่ คอนเซ็ปต์สโตร์ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซน Hug Thai , สาขาโครงการจริงใจ มาร์เก็ต จ.เชียงใหม่ และสาขาที่ 3 ใหม่ล่าสุด สาขาเซ็นทรัลภูเก็ต ฟอลเรสต้า ชั้น G โซน Hug Thai

2. Inclusion – การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียม

มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสโอกาสในการพัฒนาศักยภาพด้านการศึกษาให้กับเยาวชนผ่านการสร้างศูนย์การเรียนรู้ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้แบบ Project – Based Learning

โครงการเด่นด้านการลดความเหลื่อมล้ำ ;

2.1 โครงการยกระดับการศึกษาโรงเรียนบ้านตากแดด จ.พังงา

มุ่งพัฒนาโรงเรียนบ้านตากแดดให้เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ข้าวไร่ดอกข่า”ด้วยการสนับสนุนการนำความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาพื้นที่ของโรงเรียนเพื่อการเพาะปลูกข้าวไร่ดอกข่าขยายผลสู่ชุมชนทำให้เกิดการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนข้าวไร่ดอกข่า ทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะด้านเกษตรกรรมให้กับนักเรียน ส่งผลให้จากศูนย์การเรียนรู้ในห้องเรียนสามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายข้าวไร่ดอกข่ากลับคืนสู่โรงเรียน ปัจจุบันโรงเรียนบ้านตากแดดมี นักเรียนเพิ่มขึ้นจาก 47 คนในปี 2559 เป็น 85 คนในปี 2566 ส่งผลให้โรงเรียนบ้านตากแดดเป็น โรงเรียนต้นแบบการเรียนรู้ของชุมชน

3. Talent – พัฒนาศักยภาพที่เป็นเลิศของบุคลากร

มุ่งดูแลและพัฒนาบุคลากรขององค์กร ด้วยการส่งมอบความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานแก่บุคลากรทุกระดับให้สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านกิจกรรมและหลักสูตรอบรมต่างๆ

โครงการเด่นด้านพัฒนาศักยภาพที่เป็นเลิศของบุคลากร ;

3.1 การพัฒนาทักษะเพื่ออนาคต มุ่งให้พนักงานพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคโลกดิจิทัลโดยให้ความรู้แก่พนักงานทุกระดับ

3.2 พัฒนาทักษะการปฏิบัติงาน พัฒนาทักษะทั้ง hard skill และ soft skill ด้วยการออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับพนักงาน (Training Roadmap) กว่า 50 เส้นทาง

3.3 การส่งเสริมสร้างสุขภาวะและการดูแลพนักงาน

ส่งเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจ ปกป้องสิทธิมนุษยชน ให้คุณค่าของความหลากหลายและเสมอภาคด้วยแนวคิด DEI (Diversity หลากหลาย – Equity เท่าเทียม – Inclusion เปิดรับความแตกต่าง) อีกทั้งส่งเสริมการจ้างงานการจ้างงานผู้สูงอายุในตำแหน่งบริการลูกค้าหน้าร้าน รวมทั้งการจ้างงานคนพิการ เช่น ศูนย์ Contact Center ของไทวัสดุและเพาเวอร์บาย, พนักงานในเครือโรงแรมเซ็นทาราและร้านค้าในเครือเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป รวม 327 คน เป็นต้น

4. Circularity – ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน

ส่งเสริมและรณรงค์ให้ทุกคนร่วมมือกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนโลกสีเขียวอย่างยั่งยืน

โครงการเด่นด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน;

4.1 โครงการจัดการอาหารส่วนเกิน (Food Surplus Management) เพื่อลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งตั้งแต่ต้นทาง โดยในปี 66 บริจาคอาหารส่วนเกินไปกว่า 2,681,476 มื้อ ลดปริมาณขยะลงสู่หลุมฝังกลบ 641 ตัน และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ได้ถึง 1,486 ตันคาร์บอน นอกจากนี้อาหารส่วนเกินที่ไม่สามารถรับประทานได้ จะถูกนำไปแปรรูปขยะอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์และก๊าซชีวภาพ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อไป

4.2 โครงการบริหารจัดการขยะพลาสติก (Plastic Waste Management) มุ่งเน้นการลดขยะพลาสติกผ่าน 3 แนวทาง 1) การลดพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งหรือ single-use plastic ในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าในกลุ่มเซ็นทรัล โดยในปี 2566 สามารถลดจำนวนถุงพลาสติกที่ส่งมอบให้ลูกค้า ซึ่งจะกลายเป็นขยะกว่า 187,758 ใบ ทำให้ลดปริมาณขยะพลาสติกได้กว่า 15 ตัน 2) เพิ่มการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการดำเนินงานของหน่วยธุรกิจ เช่น โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราได้ยกเลิกการใช้หลอดพลาสติก,เปลี่ยนถุงพลาสติกเป็นถุงผ้าสำหรับบริการส่งซัก ,เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของใช้ในห้องน้ำเป็นขวดที่สามารถรีฟิลได้ 3) การส่งเสริมกระบวนการรีไซเคิล กลุ่มเซ็นทรัล จัดเก็บขยะขวดพลาสติก PET เพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ (upcycled) ในปี 66 ได้ถึง 1,020,009 ขวด

5. Climate – การฟื้นฟูสภาพอากาศ

เดินหน้าเส้นทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

โครงการเด่นด้านการฟื้นฟูสภาพอากาศ ;

5.1 โครงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนผ่าน Solar Rooftops

ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ กว่า 170 แห่ง ในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนา ,ห้างเซ็นทรัล โรบินสัน และไทวัสดุ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ,โรงแรมในเครือเซ็นทาราและโรงงานภายในเครือเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป ทำให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้เองได้ทั้งหมด 114,200 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ต่อปี นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า กว่า 1,356 สถานี ภายในพื้นที่ของหน่วยธุรกิจเซ็นทรัล รีเทล, เซ็นทรัลพัฒนา, โรงแรมในเครือเซ็นทารา อีกด้วย

5.2 โครงการส่งเสริมลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากระบบขนส่งสินค้า

เพื่ออากาศที่ดีของคนไทยโดยไทวัสดุมีการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Truck เข้ามาใช้ในระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเพื่อขนส่งสินค้า ปัจจุบันไทวัสดุและท็อปส์มีจำนวนรถขนส่งขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 22 คัน สามารถช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงกว่า 180,000 ลิตร

6. Nature – การอนุรักษ์ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

มุ่งอนุรักษ์และฟื้นฟูความอุดสมบูรณ์ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ อันเป็นกุญแจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน นำไปสู่ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และเป็นแนวทางในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการดำเนินโครงการด้านการเพิ่มและอนุรักษ์พื้นที่สีเขียว

โครงการเด่นด้านการปกป้องธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ ;

6.1 โครงการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว ในปี 2566 สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวและฟื้นฟูป่าได้กว่า 9,411 ไร่ ลดคาร์บอนได้ 7,456 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ทั้งนี้ ในปี 67 มีแผนดำเนินโครงการ Community Climate Action (CCA) ฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว 50,000 ไร่ ใน 6 จังหวัด เป็นต้น

ทั้งนี้ “เซ็นทรัล ทำ” ยังได้เปิดตัววิดีโอโฆษณาชุดใหม่ “แค่ทำสักครั้ง” สอดรับกับ แคมเปญ“THAMsformation ทำเพื่อเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน” สะท้อนเรื่องราวคุณค่าของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เพียงแค่คิด แต่เกิดจากความกล้าที่จะเริ่มต้นลงมือทำและทำอย่างต่อเนื่องคลิกเพื่อรับชมวีดีโอโฆษณา


แกลลอรี่