75 ปี หลังจากคุณเตียงและคุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ เปิดร้านหนังสือเล็กๆ แห่งแรก
วันนี้ กลุ่มเซ็นทรัล ได้ก้าวสู่อีกขั้นของความสำเร็จ สู่การเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ระดับโลก

ด้วยเครือข่ายห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมถึง 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขาและห้างแฟลกชิปหรู 16 แห่ง ในหัวเมืองหลักยุโรปและเอเชีย

กลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้ริเริ่มการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครสำหรับลูกค้าตั้งแต่เริ่มกิจการ กลุ่มบริษัทเป็นผู้ก่อตั้งห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นผู้สร้างห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคหลายแห่ง อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจศูนย์การค้าครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ก้าวแรกที่กลุ่มเซ็นทรัลได้ริเริ่มดำเนินธุรกิจในยุโรป คือการเข้าซื้อกิจการห้างหรู รีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี เมื่อปี 2554 ตามด้วยอิลลุม ในปี 2556 กลุ่มคาเดเว ในปี 2558 โกลบุส ในปี 2563 และในปี 2565 ได้เข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส

ก้าวต่อไป กลุ่มเซ็นทรัลมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ลักชัวรี่ใน 2 ด้าน

กลยุทธ์ที่ 1

พัฒนาและขยายห้างสรรพสินค้าที่มีเอกลักษณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญด้วยการร่วมมือกับลักชัวรี่แบรนด์


ร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น LVMH, Kering และ Richemont เพื่อยกระดับและเพิ่มความหลากหลายของสินค้า เน้นการตกแต่งคุณภาพสูงของห้างและร้านค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า โดยแต่ละห้างได้ถูกออกแบบให้แสดงถึงเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง เพื่อให้คนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม นอกจากนี้ แต่ละห้างยังมีสินค้าอาหารระดับพรีเมี่ยม และมีร้านอาหารหลากหลายไว้บริการ

โครงการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป

กลุ่มเซ็นทรัลได้มีโครงการการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่อง


  1. ห้างคาเดเว เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี - โซนลักชัวรี่และเครื่องประดับในชั้น Ground ถูกปรับปรุงเสร็จสิ้นในปี 2565 หลังจากเปิดโถงบันไดเลื่อนที่สร้างใหม่ทั้งหมดในเดือนตุลาคม 2564
  2. ห้างโกลบุส ซูริก และเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ - ในปี 2564 ร้านแฟลกชิปที่ซูริกเริ่มปรับโฉมให้เป็นห้างหรู มีการนำแบรนด์ลักชัวรี่ และสินค้าตกแต่งบ้านคอนเซปต์ใหม่เข้ามา และมีการปรับปรุงชั้นต่างๆ ส่วนห้างโกลบุส เจนีวา จะเริ่มพัฒนาเช่นเดียวกัน ในปี 2566
  3. ห้างรีนาเชนเต มิลาน ดูโอโม่ ประเทศอิตาลี - ได้ปรับปรุงพื้นที่ชั้นผู้ชาย ให้กลายเป็นชั้นสินค้าผู้ชายอย่างครบวงจร โดยจะปรับปรุงให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น
  4. ห้างรีนาเชนเต โรม ฟิอูเม่ ประเทศอิตาลี - ปรับปรุงโฉมใหม่บริเวณด้านหน้าห้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 โดยได้เก็บรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อดัง Franco Albini

โครงการใหม่ที่กำลังถูกพัฒนา และอยู่ระหว่างการศึกษาในขณะนี้


  1. คาร์ช เฮาส์ (Carsch-Haus) ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ดำเนินการปรับปรุงตึกคาร์ช เฮาส์ ให้เป็นห้างหรูใจกลางเมืองดุสเซลดอร์ฟ จุดเด่นคือการขุดจัตุรัสเมืองบริเวณหน้าห้าง เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่รีเทลชั้นใต้ดิน และบนระเบียงชั้นสูงจะมีร้านอาหารขนาดใหญ่ คาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2566
  2. เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย - ห้างหรูแห่งแรกของเมืองเวียนนา บวกกับ โรงแรม ทอมป์สัน และพื้นที่สีเขียวสวยงามบนหลังคาตึก ซึ่งโครงการนี้ออกแบบโดย O.M.A ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2567
  3. โกลบุส บาเซิล ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ - เป็นการพัฒนาตึกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่ที่มาร์กแพลตซ์ (Markplatz) ศูนย์กลางเมืองบาเซิล ให้กลายเป็นห้างหรูที่คงไว้ซึ่งความสวยงามแบบดั้งเดิม คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2568
  4. เซลฟริดเจส ลอนดอน - บริเวณของห้างแฟลกชิปประกอบด้วยโรงแรม อาคารจอดรถ และถนนเส้นเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินเพื่อเปิดโรงแรมหรือทำธุรกิจอื่นๆ รวมทั้ง พื้นที่กลางแจ้งสำหรับกิจกรรมต่างๆ

กลยุทธ์ที่ 2

ขึ้นแท่นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และเป็นพันธมิตรคู่ค้าที่มีเครือข่ายทั่วโลกให้กับแบรนด์ลักชัวรี่และแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ


ปัจจุบันแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรปมียอดจำนวนผู้มาเยือนกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน มีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และสร้างยอดขายได้ถึง 1 พันล้านยูโร (3.8 หมื่นล้านบาท) ต่อปี คิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งยอดขายออนไลน์ในต่างประเทศของ Selfridges.com มีสัดส่วนสูงถึง 40% สะท้อนถึงการมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกที่แข็งแกร่ง เทียบได้กับคู่แข่งที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ

เครือข่ายของห้างสรรพสินค้านานาชาติของกลุ่มเซ็นทรัล