20 เมษายน 2563 – ท็อปส์ สนองนโยบายกระทรวงพาณิชย์ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการเกษตรในประเทศ ภายใต้ "โครงการความร่วมมือ พาณิชย์ระบายสินค้าเกษตร-ผลไม้" รณรงค์ให้คนไทยบริโภคผลไม้ในประเทศตามฤดูกาล Eat Thai First พร้อมปรับแผนเชิงรุก ประกาศจัดตั้ง “ศูนย์จัดซื้อท้องถิ่นประจำภูมิภาค” เปิดโอกาสให้เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย รวมไปถึงกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากตลาดส่งออกสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าเกษตรผ่านทุกแพลตฟอร์มในรูปแบบ Omni-Chanel ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ วางแผนระยะยาวเพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจภาคการเกษตรของไทย แม้สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย โดยปัจจุบันท็อปส์รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปทั่วประเทศ จาก 1,170 ชุมชน จำนวน 9,000 รายการ ช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่า 24,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิต มีรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการความร่วมมือการเชื่อมโยงและกระจายสินค้าเกษตร-ผลไม้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 พร้อมพูดคุยให้กำลังใจเกษตรกรจากวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงปลอดสารพิษเพื่อการส่งออก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี, เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนและผลไม้ภาคตะวันออก จากสหกรณ์ส่งเสริมธุรกิจภาคเกษตร จ.ตราด, วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออก อ.บางแพ จ.ราชบุรี, กลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติ จ.กำแพงเพชร ฯลฯ รวมถึงกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการในตลาดจริงใจ (Farmers’ Market) ณ ร้าน ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาแจ้งวัฒนะ พร้อมกล่าวถึงภาพรวมของผลไม้ไทยในฤดูกาลนี้ “คาดการณ์ว่า ปี 2563 ผลไม้ของไทยในฤดูกาลผลิตช่วงหน้าร้อนจะมีปริมาณมาก และการบริโภคจะกระจุกตัวภายในประเทศเนื่องจากในภาคส่งออกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทรวงพาณิชย์จึงได้มีมาตรการการเชื่อมโยงและกระจายผลไม้จากสวนส่งตรงถึงผู้บริโภค, การจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคผลไม้, การสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายผักและผลไม้ให้กลุ่มเกษตรกรนำผลผลิตมาจำหน่าย ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ร่วมขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ฤดูกาลผลิตปี 2563 โดยวางแผนรับซื้อผลผลิตตลอดทั้งปีในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลไม้ในร้านท็อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และแฟมิลี่มาร์ท นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ยังได้เร่งประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนในประเทศบริโภคผลไม้ไทยตามฤดูกาล Eat Thai First ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่คนไทยจะได้บริโภคผลไม้เกรดส่งออก รสชาติอร่อย ในราคาที่จับต้องได้ และเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย

ด้าน นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ผู้บริหารท็อปส์และแฟมิลี่มาร์ท ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งภาคเกษตรและภาคประชาชนให้รอดพ้นจากวิกฤติโควิด-19 โดยมี 2 ภารกิจหลักที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ได้แก่

1. มาตรการช่วยเหลือภาคการเกษตร ได้แก่ จัดตั้งศูนย์จัดซื้อท้องถิ่นประจำภูมิภาค ช่วยให้เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีสินค้าคุณภาพ ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่มีตลาดรองรับหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคา สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยสามารถติดต่อมายัง ศูนย์จัดซื้อท้องถิ่นประจำภูมิภาคตามหมายเลขดังนี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑล โทร.081-860-9702, 087-107-8716, ภาคตะวันออกและตะวันตก โทร. 082-113-8998 , ภาคอีสาน โทร. 088-267-9754, ภาคเหนือ โทร.081-724-0375 และ ภาคใต้ โทร.081-959-2295 ซึ่งในเดือนเมษายน – พฤษภาคม มีผลไม้ฤดูร้อนโดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ออกสู่ตลาดค่อนข้างมาก มีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออก ขาดตลาดรองรับ ทั้งจากจังหวัดราชบุรี อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ท็อปส์ได้เพิ่มปริมาณการรับซื้อเพิ่มขึ้น 40 % ซึ่งปัจจุบันมีมะม่วงจำหน่ายมากถึง 15 สายพันธุ์ โดยเกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม พร้อมจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาที่ไม่สูงจนเกินไปเพื่อเร่งผลักดันปริมาณผลผลิตให้ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น , ตลาดจริงใจ (Farmers’ Market) ที่เปิดจำหน่าย 14 สาขา ใน 12 จังหวัด และบริษัทฯ ได้พัฒนารูปแบบการสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน Line@ เช่น @jingjaichiangmai,@jingjaimarket_udon, @jingjai_nakhornsri , @jingjai_CWN เป็นต้น, สร้างองค์ความรู้ด้านค้าปลีกให้เกษตรกรโดยทีมงานจัดซื้อที่เชี่ยวชาญ ช่วยพัฒนาคุณภาพสินค้าร่วมออกแบบแพคเกจจิ้ง วางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด, เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อกระจายผลผลิตทางการเกษตร สินค้าแปรรูปให้ได้มากที่สุด โดยจากสถานการณ์ โควิด-19 พบว่าผู้บริโภคนิยมสั่งซื้อผัก ผลไม้ อาหารสดเพิ่มมากขึ้น ช่องทางออนไลน์จึงมีบทบาทสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่าน www.tops.co.th และ แอปพลิเคชั่น Grab อยู่ที่บ้านก็กดสั่งได้สะดวกครอบคลุมพื้นที่บริการ 41 จังหวัด ภารกิจเร่งด่วนอย่างที่ 2 ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องคือการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ลดราคาสินค้า ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยบริษัทได้ประกาศ “ล็อคราคาสินค้ากว่า 26,000 รายการ ตลอด 90 วันไม่มีการปรับราคาสินค้าขึ้น พร้อมลดราคาสินค้าจากที่ล็อคราคาให้ถูกลงกว่าเดิมหลายพันรายการหมุนเวียนกันไป ที่ท็อปส์ มาร์เก็ต,ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์,ท็อปส์ เดลี่,ท็อปส์ ออนไลน์ และแฟมิลี่ มาร์ท ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 4 กรกฎาคม 2563” ยกเว้นสินค้าทางการเกษตรในบางรายการสามารถปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องตามฤดูกาลและราคาตลาดที่เปลี่ยนแปลง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกรไทย วิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อม ให้มีรายได้หมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง

ท็อปส์ จะยังคงมุ่งมั่น ยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่เพื่ออยู่เคียงข้างและจับมือเกษตรกรไทย ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน และขอเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกันอุดหนุนผลผลิต ผัก ผลไม้ สินค้าแปรรูปจากทุกชุมชนเพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างรายได้อย่างยั่งยืน พร้อมร่วมเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรไทยก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

บทสัมภาษณ์เกษตรกร

สำหรับเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือจากท็อปส์ให้ฝ่าฟันวิกฤตโควิด –19 ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรไร่สินธนา จ.กาญจนบุรี - นางสาวอาทิตา ตุลยวาณิช ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงปลอดสารพิษเพื่อการส่งออก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ร่วมด้วย นายมานพ เมฆฉาย และนางสาวมันทนา เมฆฉาย ได้กล่าวถึงความรู้สึกว่า “โดยปกติแล้ว ผลผลิตมะม่วงปลอดสารพิษของเราจะส่งออกไปต่างประเทศ 70% และภายในประเทศ 30% ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่ส่งออกไปที่ญี่ปุ่น เกาหลี และโซนยุโรป แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ไวรัส โควิด-19 เราได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากเราไม่สามารถส่งออกทางเครื่องบินได้ เพราะหลายสายการบินหยุดดำเนินการชั่วคราว หรือหากส่งออกกับสายการบินที่ให้บริการค่าขนส่งก็จะสูงมาก หากเลือกส่งออกทางเรือ ผลผลิตก็อาจไม่ได้สมบูรณ์เต็มร้อย ทำให้ตอนนี้ผลผลิตส่วนส่งออกต่างประเทศลดลงไม่ถึง 10% ตกค้างในประเทศจำนวนมาก เกษตรกรบางส่วนไม่ได้เก็บผลผลิต ปล่อยทิ้งไปบ้าง นั่นหมายถึง เงินเกษตรกรหายไปและขาดทุน แต่กลุ่มเกษตรกรไร่สินธนาถือว่าโชคดี ที่ยังมีท็อปส์ ซึ่งซื้อขายสินค้ามาร่วม 5 ปี ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในยามวิกฤตไวรัสครั้งนี้ ทำให้เราระบายผลผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มช่องทางจำหน่ายทั้งที่ส่งมาจำหน่ายในร้านท็อปส์ และบริการสั่งซื้อออนไลน์ของท็อปส์ รวมถึงตอนนี้เรากำลังเร่งสร้าง แบรนด์ผลิตภัณฑ์แปรรูป ทำมะม่วงอบแห้งอย่างเต็มตัว ซึ่งทีมงานของท็อปส์ช่วยให้คำปรึกษาด้านพัฒนาคุณภาพสินค้า เพิ่มช่องทางการจำหน่าย และให้กำลังใจกลุ่มเกษตรกรว่าผลผลิตของเรานั้นมีคุณภาพที่ดี รสชาติหวานอร่อย เชื่อว่าลูกค้าซื้อทานแล้วจะกลับมาซื้อซ้ำแน่นอน จึงอยากขอเชิญชวนให้ทุกคนมาช่วยกันอุดหนุนผลไม้ไทย เกรดส่งออกในราคาที่ไม่สูงมาก ”

ด้านนายธนภัทร จาวินัจ ผู้จัดการสหกรณ์ส่งเสริมธุรกิจภาคเกษตร จ.ตราด จำกัด ร่วมด้วย นายสงกรานต์ คมเวช และนางสาววรรณา ภู่มาลา เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนและผลไม้ภาคตะวันออก กล่าวว่า “เราได้มีการประสานงานซื้อขายผลผลิตกับท็อปส์ มามากกว่า 5 ปี โดยระยะแรกเราได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ในการเชิญผู้ประกอบการ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล มาที่ จ.ตราด เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้า และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งเราได้รวบรวมผลผลิตทางการเกษตรจากสมาชิกและเกษตรกรใน จ.ตราด ผ่านกลไกระบบการทำงานของสหกรณ์ และทำตลาดด้านการขายออกสินค้าเกษตร รวมถึงผลักดันในเรื่องของราคาที่เป็นธรรม โดยมีผลไม้ทั้งหมด 5 ชนิด คือ เงาะ ทุเรียน ลองกอง มังคุด และสับปะรดตราดสีทอง โดยปกติสัดส่วนการส่งออกไปต่างประเทศ 75% ในประเทศ 25% ซึ่งตลาดต่างประเทศหลักคือ เวียดนาม รองลงมาคือ จีน และโซนยุโรปบ้าง แต่ปีนี้เจอไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกต่างประเทศลดลง รวมทั้งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า แผนการรับซื้อผลผลิตในช่วงฤดูกาลจากเกษตรกรปีนี้จะเป็นไปตามแผนได้หรือไม่ แต่เราก็ยังคงพยายามพัฒนาคุณภาพสินค้า คัดเกรดในการขาย เพื่อให้ผู้บริโภคได้ซื้อผลไม้ที่ดี ซื้อทานแล้วรู้สึกอยากทานอีกในราคาที่คุ้มค่า ซึ่งท็อปส์ได้เข้ามาสนับสนุนและรับซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ในราคาที่เป็นธรรม และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลไม้ทางออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคมีความสะดวกมากขึ้น เพราะความต้องการบริโภคผลไม้ไม่ได้ลดน้อยลง”


แกลลอรี่