ออฟฟิศเมท ผู้นำและผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าเพื่อธุรกิจ ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เนรมิตคลังสินค้าไฮเทคอัจฉริยะแห่งใหม่บนพื้นที่โครงการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เพื่อยกระดับการบริการและมอบประสบการณ์ที่ครองใจลูกค้า B2B โดยนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ในการบริหารจัดการคลังสินค้าและบริการจัดส่ง มุ่งให้บริการอย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล พร้อมทะยานสู่การเป็นผู้นำธุรกิจ B2B E-Commerce ชูจุดเด่นในการมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าธุรกิจทุกระดับแบบ Omnichannel

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ออฟฟิศเมทเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 9% โดยในปี 2561 ออฟฟิศเมทให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 6,500,000 คำสั่งซื้อ เติบโตโดดเด่นในช่องทางออนไลน์ ซึ่งยอดขายคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของยอดขายรวม ทั้งนี้เกิดจากการพัฒนาออนไลน์แพลตฟอร์มให้มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การช้อปของลูกค้า B2B โดยมีลูกค้าเข้าเว็บไซต์ officemate.co.th และ OfficeMate Mobile App กว่า 14 ล้านครั้งในปี 2561 นอกจากนี้ยังโฟกัสการให้บริการรับสั่งซื้อออนไลน์ภายในร้านออฟฟิศเมท (E-ordering @Store) ที่ปัจจุบันสร้างยอดขายคิดเป็นสัดส่วน 12% ของยอดขายร้าน นอกจากนี้ ออฟฟิศเมทยังพบว่าลูกค้ากว่า 21% มีพฤติกรรมช้อปมากกว่าหนึ่งช่องทาง (Omnichannel) ซึ่งสร้างยอดขายได้มากถึง 49% ของยอดขายรวม

นางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนธุรกิจใน 5 ปีข้างหน้า ออฟฟิศเมทตั้งเป้าอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 15% ภายใต้แนวคิด “Go Further Go Faster” เดินหน้าสานต่อยุทธศาสตร์กลุ่มเซ็นทรัลในการก้าวสู่ผู้นำดิจิ-ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม (Digi-Lifestyle Platform) ออฟฟิศเมทพร้อมเดินเครื่องเต็มรูปแบบสู่การเป็นผู้นำตลาด B2B Solutions ที่เน้นจุดเด่นการบริการลูกค้าแบบ Omnichannel และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจไทย ด้วยงบการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างคลังสินค้าไฮเทคอัจฉริยะแห่งใหม่ บนถนนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ตามแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ “ไทยแลนด์ 4.0”

ด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมคลังสินค้าไฮเทคอัจฉริยะแห่งใหม่นี้ ออฟฟิศเมทจะสามารถยกระดับการบริการเพื่อมอบประสบการณ์ที่ครองใจลูกค้าองค์กรและผู้ประกอบการ SMEs พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อต่อยอดสู่การเติบโตในอนาคตภายใต้กลยุทธ์ O-F-M ดังนี้

O – O2O Service Excellence : มุ่งมั่นยกระดับการบริการที่ครองใจลูกค้า B2B แบบ One-Stop Solutions ด้วยสินค้าที่ครอบคลุมความต้องการของทุกธุรกิจ ไม่เว้นแม้ธุรกิจเฉพาะทาง ด้วยการเพิ่มกลุ่มสินค้าโรงงานและสินค้าธุรกิจ HORECA ผ่านประสบการณ์การช้อปแบบ Omnichannel พร้อมบริการจัดส่งสินค้าที่แม่นยำ รวดเร็ว มั่นใจได้ ด้วยต้นทุนโลจิสติกส์ที่ต่ำลง จากการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการคลังสินค้าและบริการจัดส่งมาตรฐานสากล

F – Franchise Stores Nationwide : เกื้อหนุนให้ธุรกิจชุมชนหรือร้านค้าปลีกรายย่อยที่เป็น ร้านแฟรนไชส์ “ออฟฟิศเมท พลัส” เติบโตไปพร้อมกัน ด้วยการทลายข้อจำกัดในด้านพื้นที่แสดงสินค้าของร้านค้าปลีกท้องถิ่น โดยใช้เทคโนโลยีและระบบการจัดการเพิ่มศักยภาพให้สามารถขายสินค้าได้เหมือนออฟฟิศเมททุกประการ ผ่านบริการรับสั่งซื้อออนไลน์ที่หน้าร้าน พร้อมให้บริการจัดส่งถึงที่ทั่วประเทศ คลังสินค้าของออฟฟิศเมทจึงเป็นเสมือนคลังสินค้าของร้านแฟรนไชส์

M – Marketplace for B2B Solutions : ผลักดันการเป็นผู้นำ B2B E-Commerce โดยออฟฟิศเมทเตรียมเปิดตัว B2B Marketplace ในปลายปีนี้ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจ B2B รายย่อย เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า โดยสามารถขายสินค้าได้มากขึ้นและเติบโตไปพร้อมกับออฟฟิศเมทโดยไม่ต้องกังวลกับการลงทุนในด้านโลจิสติกส์

ทั้งนี้ นางสาววิลาวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า คลังสินค้าไฮเทคอัจฉริยะแห่งใหม่ของออฟฟิศเมทนี้ สร้างเสร็จสิ้นและเปิดให้บริการแล้วบนพื้นที่กว่า 45 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 30 ไร่ หรือกว่า 50,000 ตร.ม. รองรับสินค้าพร้อมส่งมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า บริการจัดส่งด้วยรถขนส่งที่พร้อมให้บริการลูกค้าทุกวันทำการมากกว่า 200 คันต่อวัน ระบบจัดการและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยได้รับการออกแบบและถูกเลือกมาใช้เพื่อให้ทุกมิติพร้อมตอบโจทย์การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า B2B และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ได้แก่

  • ASRS (Automated Storage & Retrieval System) : เทคโนโลยีการจัดเก็บสินค้าในแนวสูงบนชั้นวางสูง 12 เมตร เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่เพื่อรองรับสินค้าพร้อมขายสูงสุด พร้อมค้นหาสินค้าอัตโนมัติและนำสินค้าออกด้วยแขนกลอัจฉริยะตามคำสั่งซื้ออย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว
  • I-PACK (Automatic Forming & Packing System) : ระบบขึ้นรูปกล่อง ติดบาร์โค้ด และแพ็คกล่องสินค้า พร้อมสมาร์ทเซ็นเซอร์ที่วัดความสูงสินค้า เพื่อตัด พับ และปิดกล่องให้พอดีกับขนาดสินค้า ซึ่งช่วยลดความเสียหายระหว่างนำส่งสินค้า
  • UNI-SHUTTLE : เทคโนโลยีการจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติเพื่อรอนำส่ง โดยทำงานร่วมกับระบบ Route Planning เพื่อคำนวณเส้นทางการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้มั่นใจว่าลูกค้ากว่า 99% ของเรา จะได้รับสินค้าที่ถูกต้อง ครบถ้วน อย่างรวดเร็ว ตามมาตรฐานการบริการ*

วันนี้ออฟฟิศเมทพร้อมที่จะเคียงข้างและเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจไทย ก้าวต่อไปของคุณ ก้าวไปกับออฟฟิศเมท “Go Further. Go Faster.”


แกลลอรี่